สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะขอมาแชร์เรื่องราวและข้อมูลสำหรับน้องๆ และเพื่อนๆ ที่สนใจอยากจะมาเรียนต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์กันนะคะ โดยสิ่งที่จะแชร์นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2562 ค่ะ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวคร่าวๆ ก่อนว่าที่เราเลือกประเทศนี้เพราะว่าเค้ามีระบบการศึกษาที่ค่อนข้างดี และประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนี้คือพูดภาษาอังกฤษได้มากกว่า 80% และที่สำคัญจากที่ศึกษามาคือ โอกาสในการหางานหลังจากเรียนจบค่อนข้างมีเยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่น เพราะเนื่องจากเป็นประเทศเปิดและมีบริษัทต่างชาติมาลงทุนอยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ และนี้ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะมาเรียนที่นี่
หลังจากที่เลือกประเทศได้แล้ว เราก็ได้ทำการศึกษาหาข้อมูลคอร์สเรียนต่างๆ จนได้ไปเจอกับ ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศแบบครบวงจรอย่าง Studywiz จึงได้ลองติดต่อและได้มีเจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ มาคอยช่วยให้คำแนะนำแนวทางในการเลือกโปรแกรมและหามหาลัยเหมาะกับเราสำหรับการที่จะไปเรียนต่อปริญญาโท ซึ่งในที่สุดก็ได้เลือกมหาลัย Saxion University of applied Science โดยเราได้เริ่มจากการไปเรียน Preparatory Semester course ที่เป็นคอร์สเรียนภาษาก่อนโดยเรียนทั้งหมด 5 เดือน หลักสูตรการเรียนจะเป็นแบบ academic ที่เน้นเรื่องการฟัง พูด อ่าน และเขียน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการนำมาเรียนต่อในระดับดีกรีจริงๆ โดยหลักสูตรนี้สามารถเข้าเรียนได้ทั้งเด็กที่ต้องการเข้าเรียนต่อป.ตรี และระดับป.โท โดยการยื่นเข้านั้นคือต้องมีคะแนน Ielts ขั้นต่ำที่ 5.5 ก็สามารถสมัครได้เลย โดยเงื่อนไขคือหากผ่านหลักสูตรนี้ เราจะได้ certificate การันตรี ielts 6.0 ทันที โดยสามารถเอาไปยื่นสมัครเข้ามหาลัยในระดับปริญญาตรีและโทในระดับที่ต้องการ ielts ที่ขอขั้นต่ำ 6.0 ในเนเธอร์แลนด์ได้เลย
>>สำหรับใครที่สนใจที่จะลองหาข้อมูลสำหรับหลักสูตรนี้ของมหาลัยก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ link นี้ได้เลยค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเค้ามีหลายโปรแกรมตั้งแต่เข้าเรียน 1 ปี หรือจะเรียนครึ่งปีก็ได้ค่ะ
https://www.saxion.edu/programmes/preparatory-course/preparatory-year
และสำหรับคนที่สนใจอยากให้ทาง studywiz ดูแลและแนะนำเรื่องการไปศึกษาต่อแบบเราบ้าง เราขอแนะนำให้ติดต่อที
https://www.facebook.com/studywiz
หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 086305 5259 และ 081934 9695 บอกเลยว่า พี่ๆ ที่น่ารักค่ะ แนะนำทุกอย่างดีมากๆ

ต่อไปจะเป็นเรื่องของการชีวิตและการบรรยากาศในการเรียนกันบ้าง มหาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ด้วยกันสองเมือง นั้นคือเมือง Enschede (อันนี้จะใหญ่ และมีความเป็นเมืองมากกว่า) และ Deventer โดยคอร์สที่เราเรียนจะตั้งอยู่ที่เมือง Deventer ที่เป็นเมืองเล็กๆ สงบๆ อยู่ห่างจาก Amsterdam ประมาณ 1.3 ชม.ด้วยรถไฟ สำหรับคนที่ไปแบบไม่มีญาติอยู่ที่นั้นก็สามารถเข้าพักกับทางหอพักที่ทางมหาลัยจัดเตรียมเอาไว้ให้ได้ โดยสิ่งควรมีในการเดินทางนั้นก็คือจักรยานที่สามารถหาซื้อมือสองในราคานักศึกษาได้หลากหลายช่องทาง และที่สำคัญมหาลัยตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ สำหรับคนที่เดินทางมาเรียนโดยรถไฟก็สามารถเดินมามหาลัยง่ายๆ แค่ประมาณไม่เกิน 10 นาที เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น สามารถดูรูปประกอบด้านล่างของบรรยากาศมหาลัย วิทยาเขต Deventer ได้ด้านล่างเลยนะคะ
บริเวณ hall และจุด reception ตกแต่งได้สวยงามเลยค่ะ จุด service point ที่มีไว้สำหรับให้นักศึกษามาติดต่อเรื่องต่างๆ ซึ่งต้องกดบัตรคิวก่อนด้วยนะคะ
สำหรับการเรียนการสอนในมหาลัยนั้น หลักสูตรที่เราเรียนจะเรียนทุกๆ วันจันทร์ถึงศุกร์ เริ่มตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้าถึงประมาณบ่าย 3 โดยตารางเรียนจะสลับกันในแต่ละสกิล ฟัง พูด อ่าน เขียน ไฮไลท์คือทุกๆ สัปดาห์จะมีการสอบวัดระดับในแต่ละสกิลที่เรียนสลับกันไป โดยหลักๆ คือต้องเอาคะแนนที่สอบได้แต่สกิลมารวมกันให้แต่ละทักษะได้คะแนนเกิน 70% ไม่อย่างนั้นเราต้องไปสอบซ่อมใหม่ ซึ่งโอกาสในการสอบแก้ตัวนั้นจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นก็ต้องตั้งใจเรียนมากๆ โดยการเรียนในห้องก็จะค่อนข้างเข้มข้นมากๆ มีการบ้านกลับมาให้ทำเกือบทุกวัน พูดได้ง่ายๆ เลยว่าหลักสูตรนี้ถ้าหวังจะมาแบบเที่ยวชิวๆ เรียนง่ายๆ จบคอร์สแล้วผ่าน อันนี้บอกเลยว่าคิดผิดค่ะ เพราะว่าส่วนตัวของเราเองนั้น เรารู้สึกว่ามันค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราไม่มีพื้นฐานที่ดีมากๆ มาก่อน อันนี้ขอแนะนำให้เตรียมใจมาก่อนเลยว่ามันอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด ถ้าคุณอยากจะมาเรียนให้จบคอร์ส
หลังจากที่เรียนและสอบวัดแต่ละสกิลในแต่ละสัปดาห์แล้ว จะมีโปรเจคที่ทุกคนต้องทำ 2 โปรเจค เป็นการเขียน essay เสมือนทำวิจัย ประกอบกับการนำเสนอ presentation และร่วมฝึกทำงานเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ ต่างชาติที่มาจากแต่ละประเทศ อันนี้ส่วนตัวคิดว่าก็จะค่อนข้างได้ฝึกทักษะด้านต่างๆ เยอะมากๆ ค่ะ เพราะว่าสิ่งที่ทำส่วนใหญ่คือสิ่งที่จำเป็นต้องนำไปใช้เรียนระดับปริญญาจริงๆ ค่ะ
และแล้ว หลังจากที่เราได้ตั้งใจและพยายามมาตลอด 5 เดือนนั้น ที่สุดก็ได้มีวันที่ฝันเป็นจริงแล้วค่ะ เป็นวันที่ได้รู้ผลจากว่าเราสอบผ่าน และเรียนจบหลักสูตร ตอนนั้นแบบดีใจมากๆ เพราะว่ากว่าจะจบก็แอบลูกผีลูกคนอยู่เหมือนกัน กลัวๆ อยู่ว่าจะจบไหมน้า…ซึ่งเดิมพันด้วยความจริงที่ว่า ถ้าไม่จบก็จะไม่ได้ certificate เผื่อเอาไปใช้ยื่นในระดับป.โทต่อได้ แต่ด้วยความพยายามที่เอาความเครียดในอนาคตมาใช้ก่อนล่วงหน้า พอรู้ว่าผ่านหน้าตาก็จะแฮปปี้ๆ เหมือนในภาพเลยค่ะ

และนี่ก็คือเรื่องเล่าเมืองกังหันของเราในช่วงที่ได้เข้ามาเรียนคอร์ส Preparatory Semester course ในระยะเวลาสั้นๆ 5 เดือน ซึ่งก็เหมือนจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เอาจริงๆ เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่แลกมาด้วยทั้งความสุขและความเศร้า แต่รวมๆ คือเป็นช่วงเวลาดีๆ ช่วงนึ่งของชีวิตที่ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง และได้ฝึกฝนตัวเองในการท้าทายอุปสรรคต่างๆ ทั้งนอกห้องและในห้องเรียน แต่ช้าก่อน…เรื่องยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะความสำเร็จนี้เป็นเพียงแค่ก้าวสั้นๆ ก้าวแรกเท่านั้นค่ะ เพราะก้าวต่อไปที่จะแชร์ใหม่ในโพสหน้านี้จะเป็นการได้เข้าไปเรียนหลักสูตรปริญญาโท MBA แบบจริงๆ จังๆ แล้วค่ะ จะเป็นยังไง อย่าลืมมาติดตามอ่านกันตอนต่อไปนะคะ…