สวัสดีทุกคนนะคะ อย่างที่ทุกคนได้ติดตามข่าว ตอนนี้ทั่วโลกได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า covid 19 และในหลายๆประเทศได้ปิดประเทศไม่ให้คนเข้า-ออก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด คนไทยในต่างแดนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะกลับไปประเทศไทยในช่วงนั้น แต่นีนตัดสินใจที่จะไม่กลับไทยเพราะอะไร และครอบครัวที่ไทยเป็นห่วงไหม นีนจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะคะ

อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วตามข้อความข้างต้นว่านีนตัดสินใจไม่กลับประเทศไทย เหตุผลเพราะนีนคิดว่าทั่วโลกตอนนี้มีปัญหาเดียวกันไม่ว่าไทยหรือประเทศอื่นก็ต้องเจอ ไม่ว่าจะบนเครื่องบินหรือที่สนามบินก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อ ถ้าเราอยู่กับที่อัตราความเสี่ยงน่าจะน้อยกว่า เลยตัดสินใจไม่กลับประเทศไทย บวกกับนีนทำงานและเรียนไปด้วย (เทอมสุดท้าย) เลยคิดว่าอยู่ที่นี่เดินเรื่องอะไรหลายๆอย่างน่าจะสะดวกกว่า ครอบครัวที่ไทยไม่ค่อยเป็นห่วงมากนักเพราะว่าเราโตแล้ว ดูแลตัวเองได้ ครอบครัวจะเป็นห่วงแค่เรื่องอาหารการกินว่าจะออกไปซื้ออย่างไร


ช่วงกักตัวแรกๆ ทางที่ทำงานและที่มหาลัยให้ work from home และ เรียนแบบ online ที่ห้อง โชคดีที่เป็นเทอมสุดท้ายเลยเหลือแค่ไม่กี่ตัว สามารถทำงานในคอมและเปิดเรียน online ใน laptop ได้โดยไม่ต้องหยุดงาน ในช่วงแรกของการกักตัว ทุกคนต้องใส่ผ้าปิดปากทุกครั้งเวลาออกจากบ้าน ห้ามเดินด้วยกันเกิน 2 คน และต้องเว้นระยะห่างเวลาเดินสวนทางกับคนอื่น ทางรัฐบาลสั่งปิดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน บริษัท ร้านอาหาร ผับ-บาร์ ร้านให้บริการต่างๆ ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆ ส่วนร้านค้าเล็กๆ หรือร้านยาจะเปิดให้บริการปกติ เหตุนี้เองจึงทำให้นีนซื้อของใช้และของกินได้โดยไม่อด แต่ทางร้านจะปิดไวขึ้น 2 ชั่วโมง และช่วงเช้า 8-12 จะเป็นเวลาสำหรับผู้สูงอายุ หลังจากเที่ยงทุกคนใช้บริการได้ตามปกติ โดยคนในร้านจะเข้าได้ไม่เกินจำนวนที่ร้านกำหนด และที่เหลือต้องรอข้างนอก ก่อนเข้าร้านต้องใส่ถุงมือและใช้เจลฆ่าเชื้อ บนรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถไฟใต้ดิน รถรางหรือรถเมล์ ต้องนั่งห่างกันและจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ในช่วง 3 เดือนแรกสามารถออกไปข้างนอก ทำธุระจำเป็นได้ แต่คนที่นี่ก็เลี่ยงที่จะออก บ้านเมืองเงียบเหงา ทางสถานทูตไทยมีการช่วยเหลือคนไทยในโปแลนด์โดยการแจกผ้าปิดปาก ข้าวสาร และไก่จาก CP หลังจาก 3 เดือนแรกทางรัฐบาลเริ่มเปิดสวนสาธารณะเนื่องจากเป็น summer ให้คนได้ไปนั่งเล่นเพราะคนที่นี่ส่วนมากช่วง summer จะชอบไปนั่งอาบแดดในสวนสาธารณะ แต่ก็จะต้องใส่ผ้าปิดปากและจะมีตำรวจคอยเดินตรวจตลอดเวลา หลังจากช่วงนั้นรัฐบาลค่อยๆเปิดร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แต่ยังไม่สามารถนั่งกินในร้านได้ ต้อง take away เท่านั้น ประมาณเดือน พฤษภาคม รัฐบาลให้เปิดร้านอาหารและบาร์ได้ปกติ สามารถนั่งในร้านได้แต่ต้องนั่งห่างกัน รถขนส่งประจำทางยังต้องกำหนดจำนวนผู้โดยสาร พอมาเดือนมิถุนายนรัฐบาลมีคำสั่งไม่ต้องใช้ผ้าปิดปาก บริษัทสามารถเรียกพนักงานกลับมาทำงานได้แต่ห้ามเกิน 50% ของจำนวนพนักงานเพราะยังต้องควบคุมการแพร่กระจายอยู่ มหาลัยยังปิดต่อเนื่อง
ในการกักตัวที่นี่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่เพราะนีนต้องทำงานและเรียน จึงไม่ค่อยมีช่วงที่รู้สึกว่าน่าเบื่อมากนัก เพราะทุกวันจะมีอะไรให้ทำเสมอ เวลาเราเบื่อๆก็สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกได้โดยใส่ผ้าปิดปาก ร้านค้าก็เปิดให้บริการปกติแค่ปิดไวขึ้น จึงทำให้คนที่นี่สามารถหาซื้อของกินได้ง่าย

